ดึงหน้า คืออะไร ช่วยยกกระชับผิว ได้จริงไหม
ทีมแพทย์ SU:I
ทีมแพทย์ SU:I
Share :

ดึงหน้าดีอย่างไร? มีกี่แบบ? ควรผ่าตัดแบบไหนดี?

ดึงหน้า คืออะไร ช่วยยกกระชับผิว ได้จริงไหม

ดึงหน้าหรือการผ่าตัดยกกระชับผิวเป็นการผ่าตัดแบบกรีดโดยหวังผลเรื่องการกระชับผิว ซึ่งในปัจจุบันการดึงหน้าไม่ได้จำกัดแค่คนอายุมากเท่านั้นแต่การดึงหน้ายังเป็นที่นิยมของคนไข้อายุน้อยลงเรื่อยๆ เพราะมลภาวะต่างๆส่งผลให้คอลลาเจนใต้ชั้นผิวน้อยลง ส่งผลให้ผิวหน้าไม่กระชับ รวมถึงความเครียดก็ส่งผลให้คอลลาเจนในชั้นผิวน้อยลงเช่นกัน การผ่าตัดดึงหน้ามีหลายแบบ ตั้งแต่การร้อยไหม จนถึงการกรีดสั้น กรีดยาว โดยขึ้นกับปัญหาในแต่ละคนว่าเหมาะกับรายการผ่าตัดแบบไหน? ดังนั้นเพื่อให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดตรงกับความต้องการ จะต้องทราบรายละเอียดก่อนว่า การดึงหน้าทำจุดไหนได้บ้าง? ผิวหน้าแบบไหนที่เหมาะกับการศัลยกรรมดึงหน้า? การดึงหน้ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร? ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดดึงหน้า?

การผ่าตัดดึงหน้า คืออะไร

การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift หรือ Rhytidectomy) คือ การศัลยกรรมบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS หรือ Superficial Musculoaponeurotic System ซึ่งเป็นชั้นที่ใต้ชั้นผิวหนังและไขมัน โดยมีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อพังผืดห่อหุ้มกล้ามเนื้ออยู่ เพื่อเลาะและทำการดึงในชั้นลึกที่อยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อชั้นตื้นของใบหน้า เป็นการกระชับกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังให้กลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อม ๆ กับตัดผิวหนังส่วนเกิน เพื่อแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้า ตั้งแต่ใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลาง และใบหน้าส่วนล่างให้กลับมาตึงกระชับ ผิวเรียบเนียนขึ้นอีกครั้ง

เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าในปัจจุบัน

เทคนิคการดึงหน้า

ในปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่ถูกพูดถึงจะแบ่งเป็นหลักๆ 3 รูปแบบตามเทคนิคการผ่าตัด (อาจจะแบ่งแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ศัลยแพทย์แต่ละคน แต่โดยทั่วไปเพื่อให้คนไข้ทำความเข้าใจได้ง่าย)ขอแบ่งดังนี้

  1. เทคนิคการผ่าตัดแบบส่องกล้อง Endotine เอนโดไทน์ไม่ใช่เทคนิคแต่เป็นชื่อวัสดุ เป็นการผ่าตัดดึงหน้าผากแบบส่องกล้อง (Endoscopic Face Lift ) แผลเล็กสุด บวมน้อยสุดแต่เห็นผลที่สุด เอนโดไทน์เป็นวัสดุชนิดพิเศษที่มีลักษณะเป็นหมุดขนาดเล็ก ทำจากวัสดุ Bio-Plastic ที่สามารถย่อยสลายไปเอง ไม่มีสารตกค้าง ทำหน้าที่ยึดติดระหว่างผิวหนังและกล้ามเนื้อ หน้าผาก แก้ไขปัญหาหนังตาตก แก้ไขหน้าผากมีริ้วรอย แก้ไขรอยคิ้วขมวด สามารถดึงช่วงหน้าแก้มได้ด้วย เป็นการผ่าตัดผ่านกล้องทำให้แผลมีขนาดเล็ก ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นนานๆ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติอยู่ได้นานและมีความปลอดภัยสูง
  2. เทคนิคการผ่าตัดแบบกรีด Macs lifting เป็นการผ่าตัดดึงหน้าถึงชั้น Smas (ชั้นสแมสคือชั้นลึกสุด)โดยตัดเนื้อส่วนเกินและเย็บบริเวณหน้าหูอ้อมไปถึงหลังหู บางเคสกรีดถึงแค่หน้าหู ขึ้นกับความหย่อนคล้อยว่าต้องเย็บบริเวณไหน แก้ไขปัญหาผิวคล้อยและให้ผลลัพธ์ยาวนาน บริเวณที่ยกกระชับแล้วเห็นผลมากคือบริเวณแก้ม เหนียง และคอ วิธีนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่ผิวคล้อยไม่จำกัดอายุ รวมถึงคนไข้ที่เคยผ่าตัดกระดูกโครงหน้ามาก่อนแล้วต้องการกระชับผิวให้รับกรอบหน้า ก็เป็นวิธีที่เหมาะมากๆ รอยแผลจางมากแม้แต่คนไข้ที่เคยมีปัญหาแผลคีลอยด์จากการคลอดลูกก็สามารถผ่าตัดวิธีนี้ได้โดยไม่ทำให้เป็นคีลอยด์
  3. เทคนิคการผ่าตัดกรีดร่วมกับการใช้ไหมอิลาสติกกุม Elasticum อิลาสติกกุมเป็นไหมชนิดหนึ่งประเภทไม่ละลาย(เป็นวัสดุเส้นเอ็นที่ใช้ในการผ่าตัดหัวใจ)โดยลักษณะเส้นเอ็นนี้จะช่วยเกาะสร้างโครงข่ายคอลลาเจนในผิวให้แข็งแรงขึ้น เป็นการใช้ไหมเส้นเอ็นใหญ่โพลีเอสเตอร์ร่วมกับการกรีดแผลในไรผม ความพิเศษของไหมเอ็นนี้จะแทรกตัวลงในเซลล์เหมาะกับการยกกระชับช่วงกลางหน้าให้ดูกระชับขึ้น ไหมอิลาสติกกุมให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับยาวนานกว่าไหมละลายอย่างไหมมิ้นท์PDO แต่กรณีผิวไม่คล้อยมากต้องการเริ่มต้นดูแลผิวให้ดูกระชับขึ้นก็สามารถเลือกเป็นไหมละลายได้เช่นกัน ทั้งนี้สามารถมาประเมินกับหมอโดยตรงได้เพื่อเลือกวัสดุที่เหมาะกับหน้าเราที่สุด

การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ช่วยยกกระชับจุดไหนบ้าง?

ดึงหน้า ช่วยยกกระชับจุดไหน

การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เป็นการช่วยยกกระชับผิวหนังเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ที่เกิดขึ้นตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดึงหน้าจะนิยมยกกระชับบริเวณดังนี้

  1. บริเวณหน้าผาก (Forehead Lift) การดึงหน้าบริเวณหน้าผาก เพื่อช่วยยกกระชับบริเวณหน้าผาก แก้ไขรอยย่นหว่างคิ้ว และปัญหาคิ้วตก
  2. ใบหน้าส่วนบน (Upper Face Lift / Temporal Lift) การดึงหน้าบริเวณขมับ หางคิ้วตก เพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้าดูเศร้าจากหางคิ้วตก ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
  3. ใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face Lift) การดึงหน้าบริเวณใต้ตาไปถึงบริเวณเหนือริมฝีปาก เพื่อยกกระชับส่วนแก้ม ร่องแก้ม ที่หย่อนคล้อยให้กระชับตึงขึ้น แก้ปัญหาแก้มห้อย
  4. ใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face Lift) ดึงหน้าบริเวณใต้ริมฝีปาก ร่องน้ำหมาก กรอบคาง เพื่อช่วยแก้ไขการหย่อนคล้อยของแก้มช่วงล่าง ทำให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น
  5. คอ (Neck Lift) ดึงหน้าบริเวณลำคอ ช่วยให้ปัญหาผิวที่คอหย่อน ไม่กระชับ มีริ้วรอยบริเวณคอตึงกระชับมากขึ้น
    ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าในแต่ละจุดจะขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์ ตามปัญหาความหย่อนคล้อยของคนไข้ ดังนั้นในคนไข้บางคนจึงสามารถดึงหน้าได้ทุกส่วน หรือเลือกดึงหน้าแบบเฉพาะส่วนได้ตามความเหมาะสม

ผิวหน้าแบบไหนที่เหมาะกับการศัลยกรรมดึงหน้า

  • ผิวหน้าที่มีริ้วรอยลึก เห็นเป็นรอยพับอย่างชัดเจน
  • ผิวหน้าส่วนบนหย่อนคล้อย มีปัญหาคิ้วตก
  • มีระยะระหว่างไรผมถึงคิ้วจะกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการห้อยย้อยของผิวหนัง
  • มีปัญหาหนังตาอ่อนแรงจากการยืด การหย่อนคล้อยของผิวหนังลงมาบังจนไม่เห็นชั้นตา หรือบริเวณหางตาจะตก ทำให้ใบหน้าดูเศร้า
  • ผิวหน้าหย่อนจนเห็นร่องแก้มลึก แก้มห้อย มีร่องน้ำหมาก มุมปากตกหรือปากคว่ำ
  • ผิวหน้าห้อยจนกรอบหน้าไม่ชัดเจน หรือผิวหน้าบริเวณแก้มส่วนล่างกับคอดูกลมกลืนกันจนแยกไม่ออก
  • คนที่มีร่องรอยพับที่คอ คอมีความหย่อนคล้อย

การผ่าตัดดึงหน้าแบบกรีด มีกี่แบบ? ครอบคลุมบริเวณไหนบ้าง?

ผ่าตัดดึงหน้า มีกี่แบบ

สำหรับการผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดยกกระชับเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าที่ได้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบโดยแบ่งตามช่วงใบหน้าโดยไล่ตั้งแต่บร

Mini Lift การผ่าตัดดึงหน้าเฉพาะจุด หรือแค่เฉพาะบางส่วนบนใบหน้า มีแผลเล็กกว่า 0.5 เซนติเมตร นิยมทำในบริเวณขมับบริเวณช่วงแก้มส่วนบน ไปจนถึงบริเวณคิ้วและหางตา ให้กลับมาดูตึงกระชับ โดยแพทย์จะเย็บเก็บซ่อนแผล ไว้ที่บริเวณไรผม มักใช้ไหมอิลาสติกร่วมด้วย ช่วยยกกระชับช่วงหางตา วิธีนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคนและครอบคลุมเพียงบริเวณแคบๆ ซึ่งหลายครั้งอย่างหนังตาตก หางตกตกก็สามารถผ่าตัดด้วยเอนโดไทน์หน้าผากได้โดยไม่ต้องกรีดแผลไรผม

วิธีนี้เหมาะกับใคร ปกติจะไม่ค่อยทำวิธีนี้เพราะหากมีปัญหาตาตก หนังตาตก หางตาตก การผ่าตัดเอนโดไทน์ร่วมกับการผ่าตัดหางตาให้ผลลัพธ์ดีกว่า แผลน้อยกว่า พักฟื้นน้อยกว่า บวมน้อยกว่า

Anterior Lift (Macs lifting) การผ่าตัดดึงหน้าที่ครอบคลุมทั้งส่วนบนยาวจนไปถึงใบหน้าส่วนล่าง โดยจำเป็นต้องกรีดแผลบริเวณหน้าหูถึงช่วงไรผม บริเวณที่ยกกระชับเน้นบริเวณผิวกลางหน้าโดยจะเลาะและดึงถึงหน้าแก้มด้วย ศัลยแพทย์จำเป็นต้องมีทักษะชั้นสูงในการเลาะถึงหน้าแก้ม เป็นการดึงตั้งแต่ผิวชั้นกลาง กล้ามเนื้อและผิวชั้นลึก เพื่อดึงให้ผิวกระชับที่สุด โดยศัลยแพทย์จะทำการกรีดแผลบริเวณขอบหูถึงติ่งหู เพื่อเก็บมุมกรอบหน้าบริเวณกรามให้กระชับ กรอบหน้าจะชัดขึ้น ส่วนมากคนไข้ที่เคยผ่าตัดกระดูกใบหน้ามาก่อนหรือผิวเริ่มคล้อยในวัย 30+ วิธีนี้จะช่วยให้กระชับเรียวกระชับและดูเด็กลง SUI Plastic surgery จึงเรียกวิธีนี้ว่า V-Line Lifting

วิธีนี้เหมาะกับใคร เหมาะกับคนที่มีความหย่อนคล้อยตั้งแต่ใบหน้าส่วนกลางลงมา รู้สึกแก้มคล้อย หน้าไม่กระชับ รวมถึงเหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยผ่าตัดกระดูกหน้ามาแล้วต้องการเก็บผิวกรอบหน้าให้กระชับรับกรอบหน้ามากขึ้น

Full Face Lifting เป็นรูปแบบเทคนิคการผ่าตัดเหมือนกัน Macs Lifting แต่ครอบคลุมการดึงผิวทั้งใบหน้าตั้งแต่บริเวณกลางหน้า ผิวหน้าส่วนล่างและผิวลำคอ โดยการเปิดแผลบริเวณหน้าหูถึงหลังหู โดยศัลยแพทย์ผ่าตัดเลาะไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ แล้วแยกเอาผิวหนังชั้นบนและผิวหนังชั้น SMAS ออก จากนั้นทำการดึงให้ตึงพร้อมตัดส่วนเกินออกโดยเย็บให้ตึงที่สุด ยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า กรณีที่มีผิวใต้คางคล้อยมากๆอาจมีการเย็บกล้ามเนื้อใต้คางร่วมด้วยแต่จะมีแผลใต้คาง

วิธีนี้เหมาะกับใคร เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของใบหน้าตั้งแต่ช่วงแก้มจนถึงบริเวณใต้คาง คอ เหนียง สามารถปรึกษากับศัลยแพทย์ประกอบการตัดสินใจรวมถึงข้อดีข้อเสียได้

ข้อดี – ข้อเสีย ของการผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้าไม่ได้มีข้อดีอย่างเดียว ในฐานะศัลยแพทย์ก็จำเป็นต้องชี้แจงข้อดีและข้อเสียให้คนไข้ได้ประกอบการตัดสินใจด้วย จากประสบการณ์ที่ผ่าตัดดึงหน้าทั้งแบบกรีดและร้อยไหมให้แก่คนไข้ทั้งเกาหลี คนไทย รวมถึงต่างชาติได้รวบรวมข้อดีข้อเสียมาให้คนไข้ได้อ่านพิจารณาประกอบการตัดสินใจ

ข้อดีของการผ่าตัดดึงหน้า

  • สามารถยกกระชับผิวได้จริง หากเทียบกับการใช้เครื่องมืออย่างอัลเทอร่าที่ยกกระชับได้ถึงชั้นSmas แบบเดียวกับการผ่าตัด แต่การผ่าตัดสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากกว่า
  • ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเด็กลง เพราะผิวที่ยกกระชับจะรับไปตามกระดูกกรอบหน้าเดิม หากมีโครงหน้าที่เรียวอยู่แล้วแต่มีปัญหาผิวคล้อยลงก็จะทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน
  • ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงชัดเจนแต่ยังดูธรรมชาติ เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้า คนไข้หลายคนดูเด็ก ดูสวยขึ้นโดยยังมีความเป็นตัวเราอยู่
    -หากมีการฉีดไขมันตัวเองPRP ร่วมด้วยจะทำให้ผิวดูเต่งตึง เพิ่มวอลลุ่มหน้าผากและทำให้คุณภาพผิวดีขึ้นด้วย เป็นรายการศัลยกรรมที่มักจะแนะนำคนไข้ทำร่วมกันกับดึงหน้า

ข้อเสียของการผ่าตัดดึงหน้า

  • ต้องมีเวลาพักฟื้นเนื่องจากหลังผ่าตัดมีอาการบวมช้ำ อาการบวมช้ำจะอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • หลังการผ่าตัดจะมีรอยกรีดที่หน้าหูหรืออ้อมถึงหลังหู จำเป็นต้องเลี่ยงแสงแดดเพื่อไม่ให้เกิดรอยเข้มของแผล โดยรอยแผลผ่าตัดจะเรียบเนียนใช้เวลา 1-2 เดือน
  • หากใช้เทคนิคไม่ถูกต้องหรือดึงหน้าในชั้นผิวที่ตื้นเกินไปก็อาจทำให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ไม่ชัดเจน
  • การผ่าตัดดึงหน้าดึงลึกถึงหน้าแก้มเกิดความเสี่ยงเลือดออกเยอะ อาจทำให้มีการคั่งเลือดเกิดขึ้นได้ ซึ่งศัลยแพทย์มีประสบการณ์จะป้องกันและระวังอย่างดีที่สุด แต่แม้จะดูแลอย่างดีที่สุดแล้วก็อาจเกิดความเสี่ยงเลือดคั่งได้เช่นกัน
  • หลังการผ่าตัดใหม่ๆจะมีความรู้สึกว่าหน้ามีรอยบุ๋มไม่สม่ำเสมอกันจากเนื้อเยื่อพังผืดใต้ผิวหนัง ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะนิ่มลงและหายดี
  • กรณีต้องการออกงานหรือแต่งหน้า จำเป็นต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนเพื่อให้ใบหน้าดูธรรมชาติ สามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ได้อย่างธรรมชาติ
  • การผ่าตัดดึงหน้าไม่สามารถทำให้ร่องแก้มหายได้อย่างสมบูรณ์ คนไข้ต้องทำความเข้าใจในความจริงข้อนี้ว่าหลังดึงหน้าร่องแก้มจะดูตื้นขึ้นแต่จะไม่เนียนเรียบไปซึ่งเป็นธรรมชาติของใบหน้าของเราอยู่แล้ว หากคาดหวังว่าร่องแก้มจะต้องไม่มีเลยการดึงหน้าจะไม่ตอบโจทย์

ดึงหน้าอันตรายไหม

การดึงหน้าเป็นการทำศัลยกรรมที่มีความซับซ้อน ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและชำนาญจากศัลยแพทย์สูง เนื่องจากเป็นบริเวณใบหน้ามีเส้นประสาทและกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ จำนวนมาก หากทำการผ่าตัดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้ใบหน้าไม่กระชับเท่าที่ควร เนื่องจากการดึงผิดชั้น หรือเกิดอันตรายต่อเส้นประสาท จนเกิดปัญหาตามมาได้ เช่น ใบหน้าผิดรูป, หน้าเบี้ยว, ใบหน้าไม่มีการติดเชื้อ เกิดแผลเป็นดึงรั้ง

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้าเป็นการทำศัลยกรรมที่มีความซับซ้อน และจำเป็นต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้ชำนาญ ด้วยวิธีการวางยาสลบ ดังนั้นจึงมีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เหมาะสำหรับการผ่าตัดดึงหน้า เช่น

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia), ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคหัวใจ เป็นต้น
  • ผู้ที่มีปัญหาแผลหายช้ากว่าปกติ หรือผู้ที่เป็นแผลคีลอยด์ง่าย
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ซึ่งการผ่าตัดอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
  • ผู้ที่มีความคาดหวังถึงผลลัพธ์มากเกิดความสมเหตุสมผล
  • ผู้ที่มีความวิตกกังวลมากกว่าปกติ

ขั้นตอนการดึงหน้า มีอะไรบ้าง?

  1. เริ่มจากการปรึกษาศัลยแพทย์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาและวางแผนการรักษาร่วมกันว่าควรผ่าตัดดึงหน้าด้วยวิธีการแบบไหน? เป็นการกรีดหรือการใช้ไหม
  2. คนไข้เปลี่ยนชุดเพื่อให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด คุณหมอจะดีไซน์ใบหน้าก่อนเข้าห้องผ่าตัดจากนั้นเข้าห้องผ่าตัดเพื่อให้ยาชาร่วมกับยานอนหลับ
  3. ศัลยแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดโดยเปิดแผลที่หนังศีรษะ ไรผม ขมับ หรือหลังใบหู ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือกใช้ สำหรับการผ่าตัดแบบกรีดหน้าหูอ้อมหลังหูใช้เวลาผ่าตัดราวๆ_3-4 ชั่วโมงภายใต้ยานอนหลับ โดยจะทำการเลาะผิวหนังแต่ละชั้น จากนั้นดึงเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวส่วนบนให้ตึง และตัดผิวหนังส่วนเกินออกซึ่งจะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 3-4 ชั่วโมง
  4. เย็บปิดแผลให้เรียบเนียนสนิทและแปะฟองน้ำข้างแก้มพร้อมพันหน้าเพื่อกดให้เนื้อเยื่อใกล้ชิดกันมากที่สุด เพื่อกดอาการบวมและอาการเลือดคั่ง สำหรับการผ่าตัดดึงหน้าจะมีสายเดรนเลือดด้วยโดยคุณหมอจะใส่ไว้ราวๆ 3-4ชั่วโมงหลังผ่าตัดเพื่อลดปัญหาเลือดคั่งหลังผ่าตัด แนะนำนอนพักฟื้น1 คืนก่อนกลับที่พัก/โรงแรม
  5. หลังผ่าตัดดึงหน้าไปแล้ว 7 วัน(นับวันผ่าตัดเป็นวันที่ 0) จะทำการตัดไหมแผลดึงหน้า โดยระหว่างนี้แผลจะยังสมานกันไม่สนิท ศัลยแพทย์จะหยอดกาวที่แผลเพื่อให้แผลเชื่อมกันโดยไม่เกิดรอยแผลเป็นนูน โดยกาวจะลอกออกเองในช่วง5-7 วันหลังจากตัดไหม

ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังผ่าตัดดึงหน้า

ข้อปฏิบัติก่อนผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้า ถือเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์การแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ตอบโจทย์ และเพื่อ รักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน จึงควรมีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้าและการดูแลตัวหลังผ่าตัดเองของผู้ศัลยกรรมดังนี้

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้า

  1. ศึกษาข้อมูลของโรงพยาบาลหรือคลินิกอย่างละเอียด และเลือกคลินิกที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง มีการแสดงเอกสารไว้อย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
  2. ปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหา รวมทั้งขอคำแนะนำการเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม
  3. แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา แพ้สารเคมี หรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
  4. งดรับประทานยารักษาสิว วิตามินต่างๆ หรือยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล
  5. ควรงดการฉีด Botox หรือ Filler บนใบหน้า ก่อนการผ่าตัดดึงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน
  6. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
  7. งดการทำหัตถการร้อยไหมบริเวณใบหน้า เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนก่อนผ่าตัดดึงหน้า
  8. งดสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือน
  9. หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่กำลังมีประจำเดือน
  10. งดน้ำและอาหารรวมถึงลูกอม ก่อนผ่าตัดเป็นอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง (ในกรณีวางยานอนหลับ)
  11. งดการแต่งหน้า ทำผม ทาเล็บ และงดการใส่เครื่องประดับทุกชนิดมาในวันผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดดึงหน้า

  1. หลังการผ่าตัดในช่วงสัปดาห์แรก ควรประคบเย็นบริเวณแผลบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  2. ควรนอนยกศีรษะสูงในช่วง 7 วันแรก (นอนหนุนหมอน 2-3 ใบ) เพื่อช่วยบรรเทาอาการบวม
  3. ผ้ารัดหน้ารัดตามคุณหมอสั่ง ไม่จำเป็นต้องรัดตลอดเวลาเพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก แต่ละเคสจะมีการรัดหน้าแตกต่างกันออกไป ศัลยแพทย์จะแนะนำอีกทีหลังผ่าตัด
  4. หลังการผ่าตัดผิวหน้าอาจมีอาการตึง ผิวแห้ง มีปวดแผลเล็กน้อย แนะนำให้เดินบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดการฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และลดบวมได้อย่างรวดเร็ว
  5. หลังการผ่าตัดในช่วง 1 เดือนแรก ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ หลีกเลี่ยงการทานอาหารแข็งหรืออาหารเหนียว เพื่อหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า
  6. อาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดอาจอยู่ได้นาน 1-3 อาทิตย์ โดยเฉพาะในช่วง 3-5 วันแรก และจะยุบลงอย่างรวดเร็วใน 2 สัปดาห์ และใบหน้าจะเข้าที่ในเวลา 1-2 เดือน
  7. หลังการผ่าตัดดึงหน้าจำเป็นต้องเลี่ยงแสงแดด อบซาวน่าความร้อนอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อไม่ให้ผิวร้อนบวมแดงหรือช้ำมากขึ้น
  8. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดหลังการผ่าตัดรอยแผลอาจแดงและนูนเล็กน้อยในช่วง 1-3 เดือนแรก สามารถทายาในกลุ่ม Silicone gel เพื่อลดรอยแผลเป็นได้หลังจากการผ่าตัด 2 สัปดาห์
  9. ออกกำลังกายได้ตามปกติหลังจากผ่าตัดแล้ว 1 เดือน
  10. หลังการผ่าตัดผิวหนังบริเวณใบหน้าอาจมีความรู้สึกลดลง ซึ่งจะดีขึ้นในเวลา 3-6 เดือน
  11. ไปพบศัลยแพทย์เพื่อตรวจเช็กแผลและตัดไหมตามนัดทุกครั้ง รวมถึงปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด

ข้อห้ามหลังดึงหน้าที่ควรรู้

หลังการผ่าตัดดึงหน้านอกจากการดูแลตัวเองแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ คนใจจะต้องปฏิบัติตามข้อห้ามต่างๆ ดังนี้

  1. ห้ามย้อมสีผม หลังการผ่าตัดห้ามย้อมสีผมหรือใช้สารเคมีกับผมนาน 1-3 เดือนหลังผ่าตัด เนื่องจากหลังการผ่าตัดผิวอาจ Sensitive
  2. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังผ่าตัดควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  3. ห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ หลังการผ่าตัดห้ามไม่ให้แผลโดนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ สามารถสระผมได้โดยแปะสติกเกอร์กันน้ำแล้วเป่าให้แห้งและไม่ใช้นิ้วเกาผิวบริเวณแผล
  4. ห้ามแผลสัมผัสกับแสงแดด หลังผ่าตัดห้ามไม่ให้แผลโดนแดดโดยตรง อย่างน้อย1-2เดือน เพื่อป้องกันรอยแผลหมองคล้ำ หรือผิวไหม้
  5. ห้ามทานอาหารดองหรือเผ็ดร้อนเกินไป อาจกระตุ้นการอักเสบของร่างกาย
  6. รับประทานอาหารประเภทโปรตีน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและให้เซลล์ร่างกายฟื้นฟูจากการผ่าตัด สามารถกินไข่ได้ไม่ทำให้เกิดคีลอยด์
    หลังการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดภายใต้ความปลอดภัย คนไข้จึงควรศึกษาข้อห้ามต่างๆ อย่างละเอียด และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ดึงหน้า ราคาเท่าไหร่

  • ดึงหน้าแบบกรีดแผลหน้าหูรวมดูดไขมันส่วนเกิน 15,000,000 วอน ราวๆ 400,000 บาทไทย
  • ดึงหน้าแบบกรีดแผลหน้าหูและหลังหู(ยกกระชับหน้าและคอ)รวมดูดไขมันส่วนเกิน25,000,000 วอน ราวๆ 675,000 บาท (รวมเก็บกล้ามเนื้อคางเหนียง)
  • ดึงหน้าแบบร้อยไหมอิลาสติกกุม(รวมดูดไขมันส่วนเกิน) 10,000,000 วอน ราวๆ 270,000 บาท
  • ดึงหน้าแบบร้อยไหมมิ้นท์PDO 3,000,000 วอน ราวๆ 80,000 บาท
  • ดูดไขมันหน้า 4,000,000 วอน ราวๆ100,000 บาท
  • ฉีดไขมันPRP 5,000,000 วอน ราวๆ 130,000 บาท

ดึงหน้าที่ไหนดี

การผ่าตัดดึงหน้าถือเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เพราะใบหน้ามีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และเส้นประสาทที่สำคัญ ดังนั้นการดึงหน้าที่ไหนดีจึงควรเลือกจากข้อมูลต่างๆ ดังนี้

  • มาตรฐานของสถานพยาบาล คลินิกที่มีมาตรฐานจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย โดยสามารถสังเกตได้จาก ชื่อสถานพยาบาล รวมทั้งเลขที่ใบอนุญาต
  • ชื่อเสียงของศัลยแพทย์ ทีมศัลยแพทย์ประจำคลินิก หรือโรงพยาบาล อาจจะประกอบด้วยศัลยแพทย์หลายคน ดังนั้นการทำกับศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงเฉพาะทาง ย่อมทำให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า
  • คลินิกเฉพาะทาง คลินิกศัลยกรรมอาจมีชื่อเสียงในแต่ด้านที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกดึงหน้ากับคลินิกเฉพาะทาง ที่มีเทคนิคการดึงหน้าที่ถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • ห้องผ่าตัดทันสมัย ห้องผ่าตัดมีความทันสมัย มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบทุกด้าน ทั้งอุปกรณ์การผ่าตัด อุปกรณ์การฆ่าเชื้อ อุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินต่างๆ
  • การติดตามอาการหลังผ่าตัด การดูแลติดตามอาการหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด จะช่วยคลายความกังวลใจให้กับคนไข้ได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเหลือคนไข้ได้ทันทีเมื่อพบอาการข้างเคียงที่ผิดปกติ
  • โปรแกรมลดบวมต่างๆ การใช้ที่โปรแกรมลดบวมต่างๆ เช่น ฉายแสง LED ลดบวม, Hyperbaric oxygen ที่ช่วยให้คนไข้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
  • ก่อนเลือกดึงหน้าที่ไหนดีควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งข้อมูลของคลินิกเฉพาะทาง ความเชี่ยวชาญของแพทย์ แต่หากไม่มั่นใจว่าจะเลือกทำศัลยกรรมดึงหน้าที่ไหนดี หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เพื่อรับคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์โดยตรง

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้า

ดึงหน้า กี่วันหาย และเข้าที่?
หลังการผ่าตัดดึงหน้าในช่วง 7-14 วันแรกอาจมีอาการบวมช้ำมาก ซึ่งหลังจากนั้นอาการต่างๆ จะค่อยๆ หายไปใน 2 – 3 สัปดาห์ โดยใบหน้าจะเริ่มเข้าที่ใน 1 เดือน และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุดในหลังการผ่าตัดไปแล้ว 3-6 เดือน

ดึงหน้า อยู่ได้กี่ปี ถาวรหรือไม่?
การผ่าตัดดึงหน้าถือเป็นศัลยกรรมที่ช่วยลดความหย่อนคล้อย และลดริ้วรอยบนใบหน้าที่ให้ผลลัพธ์ในระยะยาว โดยจะเห็นผลลัพธ์สามารถอยู่นาน 5-10 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เทคนิคที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดร่วมด้วย) เป็นการชะลอความหย่อนคล้อยของผิว

อายุเท่าไหร่ ถึงสามารถผ่าตัดดึงหน้าได้
การดึงหน้าสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มมีมีอายุ ริ้วรอย และความหย่อนคล้อยของผิวหน้า ซึ่งจะเห็นได้ชัดที่สุดคือช่วงอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จนถึงช่วงอายุ 70 ปี

แผลดึงหน้า อยู่ตรงไหน เป็นแผลเป็นหรือไม่?
การผ่าตัดดึงหน้าโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรอยแผลจะถูกซ่อนอยู่ตามแนวไรผมและขอบใบหู ด้วยการเย็บแผลที่ละเอียดและประณีต จึงทำให้ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น

หลังดึงหน้า กี่วันสระผมได้
สามารถสระผมได้ตามปกติในวันที่ 2 หลังผ่าตัด ด้วยความระมัดระวังโดยไม่เกาและใช้ไดร์เย็นเป่าให้แห้ง (ส่วนมากแนะนำติดพลาสเตอร์กันน้ำ)

หลังดึงหน้าทำสีผมได้ไหม
สามารถทำสีผมได้ 1 เดือนหลังทำผ่าตัด เพื่อให้แผลแห้งสนิทและแผลติดกันดีก่อน เพื่อป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อ หรือแพ้สารเคมีจากน้ำยาย้อมผม

ดึงหน้าต้องรัดหน้าไหม?
หลังผ่าตัดดึงหน้าคนไข้ต้องใส่ผ้ารัดหน้าหลังผ่าตัดตลอด 24 ชม. ในช่วง1 วันแรกหลังผ่าตัด และใส่ต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงต่อวันช่วง 7 วันแรกหลังผ่าตัด จุดประสงค์ของสายรัดหน้าคือกดอาการบวม ไม่ให้บวมมาก และลดปัญหาเลือดคั่ง ไม่ควรรัดตลอดเวลาและไม่ต้องรัดตอนนอนควรให้เลือดไหลเวียน สายรัดหน้าศัลยแพทย์จะแนะนำโดยละเอียดอีกครั้งหลังผ่าตัด

รีวิว ผ่าตัดดึงหน้า ที่ รพ. SU:i

รีวิวผ่าตัดดึงหน้าให้ตึง
รีวิวรพ.sui ดึงหน้า
รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า ที่ Sui
รีวิวรพ.sui ดึงหน้า

สรุป

การผ่าตัดดึงหน้าที่เห็นผลลัพธ์ดีที่สุด ฃจะต้องมีการผ่าตัดปรับแต่งชั้น SMAS (Superficial muscular aponeurotic system) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อพังผืดชั้นลึกที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อ จากนั้นตัดตกแต่งผิวหนังชั้นนอกส่วนเกินออกในปริมาณที่เหมาะสมก่อนเย็บซ่อนรอยแผลไว้ตามแนวหู เพื่อให้แผลเรียบเนียนมากที่สุด ดังนั้นการผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิคนี้จึงมีความซับซ้อนกว่าการผ่าตัดดึงหน้าบนชั้นผิวหนังแบบทั่วไป หากใครสนใจกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้าเพิ่มเติม หรือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะดึงหน้าที่ไหนดีสามารถแอดไลน์ปรึกษาเราได้เลย

สาระน่ารู้เกี่ยวกับศัลยกรรมที่เกี่ยวข้อง