ข้อควรรู้ก่อนเสริมจมูกครั้งแรก มีกี่แบบ ข้อดี-ข้อเสีย เทคนิคในปัจจุบัน
การเสริมจมูกถือเป็นศัลยกรรมที่ทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด จึงทำให้มีคนไข้จำนวนมากที่ต้องการทำศัลยกรรมเสริมจมูกครั้งแรก แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังคงกังวลต่อการเลือกศัลยแพทย์ และการเลือกคลินิก เนื่องจากความรู้เริ่มต้นเป็นศูนย์ ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดต่างๆ ที่จะนำไปสู่ปัญหาให้ต้องแก้ซ้ำ ในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลสำคัญที่คนไข้ควรเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมจมูกครั้งแรกมาแนะนำอย่างละเอียด เหมือนปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีข้อมูลสำคัญอะไรที่ควรรู้บ้างไปดูพร้อมกันเลย
- นิยามของการเสริมจมูก ในปัจจุบัน คืออะไร?
- ทรงจมูกที่สวย เข้ากับใบหน้า ต้องมีสัดส่วนเป็นอย่างไร
- ใครบ้างที่เหมาะกับการเสริมจมูก
- จุดเด่นของการทำจมูก กับ Dr.Ahn Tae Joo
- เทคนิคการ เสริมจมูก มีกี่แบบ
- วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก มีอะไรบ้าง
- การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมเสริมจมูก
- เทคนิคการทำจมูกกับหมออัน แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
- ขั้นตอนการเสริมจมูก ที่ Sui
- การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมจมูก
- เสริมจมูกแต่ละเทคนิค ราคาเท่าไหร่
- คำถามที่พบบ่อย
- สรุป
นิยามของการเสริมจมูก ในปัจจุบัน คืออะไร?
การทำศัลยกรรมเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดปรับแต่งแก้ไขรูปทรงจมูกที่ไม่สวยงาม ขาดมีมิติ ให้มีรูปทรงที่รับกับใบหน้า ด้วยวัสดุทางการแพทย์เช่น ซิลิโคน (Silicone), กอร์เท็กซ์ (Gore-tex), เม็ดพอร์ (Medpor) หรือกระดูกอ่อน โดยอาศัยเทคนิคความชำนาญเฉพาะทางศัลยแพทย์ เพื่อการออกแบบปรับโครงสร้างของจมูก ให้เข้ากับองศาและสัดส่วนอื่นๆบนใบหน้าดูสวย มีความเป็นธรรมชาติ มีมิติทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และมุมไม่เว้นแม้แต่ที่เห็นรูจมูก ซึ่งรูปทรงจมูกที่จะช่วยเสริมให้บหน้าหน้ามีความโดดเด่นและได้รับความนิยมมีดังนี้
- จมูกทรงสโลปปลายพุ่ง เป็นทรางจมูกที่จะช่วยให้ใบหน้าเรียวยาวและมีมิติ โดยเน้นสันจมูกเรียวสโลปปลายจมูกพุ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมีมิติให้กับใบหน้าทั้งหน้าตรงและด้านข้าง นอกจากนี้จากนี้จมูกทรงสโลปปลายพุ่งยังช่วยลดความกว้างของปีกจมูก ทำให้ปลายจมูกดูเล็กลงอีกด้วย เหมาะสำหรับ คนที่มีปัญหาดั้งจมูกไม่โด่งสันจมูกเตี้ย และปีจมูกค่อนข้างกว้าง
- จมูกทรงบาร์บี้ไลน์ เป็นทรงจมูกที่จะช่วยทำให้ใบหน้าดู หวานละมุนและดูเด็กลง ด้วยลักษณะเด่นที่มีความสโลปโค้งมน มุมระหว่างหน้าผากและจมูกทำมุม 120-140 องศา รวมถึงบริเวณปลายจมูกจะมีความเชิดขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับ คนที่รูปทรงจมูกที่ไม่สมส่วนกับองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้า ตาดูห่าง หน้าไม่มีมิติ
- จมูกทรงหยดน้ำ เป็นอีกหนึ่งทรงจมูกยอดฮิตในตำนานเลยก็ว่าได้ เพราะจมูกทรงนี้จะช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ใบหน้าดูหวาน จมูกดูยาวขึ้น มีมิติ ด้วยการปรับทรงจมูกให้ไม่เป็นสันที่สูงจนเกินไปจึงทำให้ใบหน้าโดยรวมไม่แข็ง เหมาะสำหรับ คนที่มีพื้นฐานจมูกค่อยข้างดีอยู่แล้ว เช่นคนที่มีสันจมูกยาว และเนื้อจมูกค่อนข้างเยอะเพียงพอต่อการทำหยดน้ำ
- ทรงจมูกปลายเชิด เป็นทรงจมูกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับทรงจมูกสโลปปลายพุ่งเลยก็ว่าได้ โดยสันจมูกจะมีความรับกับช่วงหัวตาและหน้าผาก แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ช่วงปลายจะแต่งให้มีความเชิดเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าดูเฉี่ยวมากขึ้น เหมาะสำหรับ คนที่มีปัญหาปลายจมูกงุ้ม ปลายจมูกหนา หรือปีกจมูกบาน
- จมูกทรงตั๊กแตน หรือจมูกทรงแมนทิส เป็นทรงจมูกที่มีความโค้งตั้งแต่สันจมูกลงมาถึงปลายจมูก และมีหยดน้ำเล็กน้อยตรงปลาย ถือเป็นอีกจมูกที่ได้รับความนิยมใช้แก้ปัญหาจมูกได้หลายรูปแบบ เช่น ปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง ทะลุ เหมาะสำหรับ ทุกคนที่มีความต้องมีจมูกที่มีความเข้ารูปรับกับใบหน้า และเพิ่มความละมุนให้กับใบหน้าโดยเฉพาะคนเอเชีย
การเสริมจมูกครั้งแรก การออกแบบและเลือกทรงจมูกเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากการเสริมจมูกจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นฐานจมูกเดิม เนื้อจมูก และองค์ประกอบอื่นของใบหน้า ดังนั้นหากไม่ต้องการให้เกิดการแก้ไข ควรได้รับการออกแบบและเสริมจมูกครั้งแรกโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสริมทรงจมูกที่เหมาะสมด้วยเทคนิคที่ปลอดภัย
ทรงจมูกที่สวย เข้ากับใบหน้า ต้องมีสัดส่วนเป็นอย่างไร
nose golden ratio อัตราส่วนทองคำเป็นการใช้ระบบทศนิยมคือ 1.618 ที่ถูกค้นพบครั้งแรกโดยชาวอียิปต์ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พีระมิดอียิปต์ รูปปั้นเดวิด ภาพวาดโมนาลิซา และมหาวิหารน็อทร์-ดามซึ่งเป็นผลงานที่สวยงามตามสัดส่วนทองคำ ทำให้มีการนำอัตราส่วนทองคำมาใช้เกือบทุกด้านของชีวิต เช่น สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ดนตรี และศัลยกรรมความงามพลาสติกทุกประเภทบนใบหน้า
โดยมีการแบ่งให้อัตราส่วนที่มีความสมมาตรและระยะห่างระหว่างอวัยวะต่างๆ ห่างกัน 1.618 ตามอัตราส่วนทองคำ จะมีการแบ่งอัตราส่วนของใบหน้าออกเป็น 5 ส่วนเท่าๆกันทั้งแนวนอนและแนวตั้ง โดยจุดกึ่งกลางปากริมฝีปากจะอยู่ที่กึ่งกลางตาทั้ง 2 ข้าง ความยาวคางถึงฐานปีกจมูก และความยาวฐานปีกจมูกถึงหน้าผาก เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะต้องเท่ากับ 1 : 1.618 เท่ากันทั้งใบหน้า ก็จะถือว่าเป็นสัดส่วนความสมบูรณ์
- อัตราส่วนที่เหมาะสมของจมูกในมุมมองด้านหน้าจะต้องมีความยาวในอัตราส่วน 1/3 ของความยาวทั้งหมดของใบหน้า
- ความกว้างของปลายจมูกมีอัตราส่วน 1/5 ของความกว้างของใบหน้า ตาม Golden Ratio โดยมีระหว่างความกว้างของจมูกและริมฝีปากจะอยู่ที่ 1:1.618
- ความโด่งของจมูก (มองด้านข้าง) จะต้องมีมุมเฉียง 36-40 องศา
- มุมระหว่างจมูกกับหน้าผาก (Nasofrontal angle) เมื่อลากเส้นตรงจะต้องมีองศาอยู่ที่ 135 -140°
- มุมระหว่างปลายจมูกกับร่องเหนือริมฝีปาก (Nasolabial angle) สำหรับผู้หญิงจะอยู่ที่ 95-100° และสำหรับผู้ชายยู่ที่ 90-95° และ
- มุมระหว่างจมูกกับปลายคาง (Nasomental angle) เมื่อลากเส้นตรงจะต้องมีองศาอยู่ที่ 120-132°
- รูจมูกมีรูปทรงคล้ายเมล็ดถั่ว และมีอัตราส่วนเทียบกับความสูงของปลายจมูกจะอยู่ที่ 4:6
ถึงแม้ว่าอัตตราส่วนทองคำจะส่งผลต่อความสมมาตรของใบหน้า แต่การเข้าใจโครงสร้างที่เหมาะกับใบหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นศัลยแพทย์จึงให้ความสำคัญในการตรวจสอบลักษณะใบหน้าของคนไข้แต่ละราย เพื่อให้แน่ใจว่ารูปทรงจมูกใหม่นั้นเข้ากับโครงหน้าทั้งหมดของคนไข้
ใครบ้างที่เหมาะกับการเสริมจมูก
เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการเสริมจมูก ดังเพื่อให้การเสริมจมูกได้ผลลัพธ์ที่ดี และมีความปลอดภัย แนะนำให้คนไข้มีการสำรวจความพร้อมของตัวเองให้มั่นใจก่อนว่า เป็นผู้ที่เหมาะสำหรับการเสริมจมูกหรือไม่ดังนี้
- คนไข้ที่ต้องการเสริมจมูกครั้งแรกควรมีอายุ 18-20 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่กระดูกและเนื้อเยื่อของจมูกและใบหน้ามีความเจริญเติบโตเต็ม
- คนไข้ต้องมีสุขภาพแข็งแรงไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อการผ่าตัด
- ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือโรคหลอดเลือดผิดปกติต่าง ๆ เช่น เส้นเลือดตีบ ไม่แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก
- หากคนไข้มีการอักเสบในโพรงจมูก มีอาการหวัด หรือมีแผลติดเชื้อ จะต้องรักษาให้ก่อนการเสริมจมูก
ทั้งนี้คนไข้จะเหมาะสำหรับการเสริมจมูกหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ประเมินและขอคำแนะนำที่เหมาะสม โดยแพทย์จะใช้ดุลยพินิจกับคนไข้อย่างละเอียดเพื่อให้คนไข้ได้จมูกที่สวย ดูเป็นธรรมชาติ รับกับส่วนอื่นๆของใบหน้า และไม่มีปัญหาเบี้ยว เอียงตามมา
จุดเด่นของการทำจมูก กับ Dr.Ahn Tae Joo
การผ่าตัดศัลยกรรมจมูกมีต้องใช้ทักษะความชำนาญของศัลยแพทย์สูง ในวิเคราะห์สัดส่วนและความต้องการของคนไข้อย่างแม่นยำเพื่อสร้างทรงจมูกที่สวยและเหมาะสมกับแต่ละเคส ซึ่งจุดเด่นของการทำจมูก กับ Dr. Ahn Tae Joo มีดังนี้
- Dr. Ahn Tae Joo เป็นศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ตาและจมูกมานานกว่า 20 ปี จึงสามารถประเมินและวิเคราะห์การออกแบบทรงจมูกให้กับคนไข้ ได้อย่างแม่นยำ
- Dr. Ahn Tae Joo เป็นผู้ดำเนินการผ่าตัดด้วยตัวเองทุกเคส คนไข้จึงสามารถตัดความกังวลในเรื่องของการสับเปลี่ยนศัลยแพทย์ในขณะการผ่าตัดไปได้เลย
- Dr. Ahn Tae Joo จะเน้นการผ่าตัดที่ให้ทรงจมูกที่สวยเป็นธรรมชาติเหมาะสมกับเคส เพื่อเสริมให้ใบหน้ามีมิติ มากกว่าการเสริมตามความชอบของคนไข้แต่เสี่ยงต่อการแก้ไขในอนาคต
- Dr. Ahn Tae Joo ศัลยแพทย์มีประสบการณ์การทำจมูกมาอย่างยาวนาน จึงสามารถวิเคราะห์โครงสร้างของจมูกของคนไข้ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการสร้างไลน์เส้นจมูก S-line ที่สวยงามช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูมีมิติมากขึ้นทุกองศา ทั้งมุมด้านหน้าและมุมด้านข้าง
- Dr. Ahn Tae Joo มีความเชี่ยวชาญในการเลือกวัสดุเสริมจมูก ทั้งวัสดุทางการแพทย์และเนื้อเยื่อของตนเอง ทำให้การเสริมจมูกมีลักษณะเฉพาะ โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเสี่ยงต่อการทะลุ
- ดมยาสลบจากวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลคนไข้แบบ 1:1 ผ่านหน้าจอไบโอเมตริกตลอดการผ่าตัด โดยภายในห้องผ่าตัดเครื่องกระตุ้นหัวใจ ไฟสำรอง PUS และอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินครบชุดจึงมีความปลอดภัยสูง
- มีโปรแกรมอบออกซิเจนบริสุทธิ์ O2 Pressure Chamber Therapy ทุกวันหลังผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อระดับเซลล์และฉายแสงLED เพื่อลดช้ำบวม
- Dr. Ahn Tae Joo มีระบบการ follow up อย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองทุกเคส และมีระบบ Aftercare ที่มีศักยภาพ ดังนั้นคนไข้จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
เทคนิคการ เสริมจมูก มีกี่แบบ
เทคนิคการเสริมจมูกมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ซึ่งมีรายละเอียด ข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมกับแต่ละเคสที่แตกต่างกันดังนี้
เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เป็นการเสริมจมูกโดยการเปิดทั้งหมด ทำให้ศัลยแพทย์เห็นโครงสร้างของกระดูกอ่อนทั้งหมดได้อย่างชัดเจน จึงสามารถแก้ไขปัญหาและปรับโครงสร้างจมูกโดยตรงด้วยการยืดผนังกั้นจมูก ตอกฐานจมูก เพื่อให้สันจมูกดูเล็ก โดยมักจะต้องใช้วัสดุกระดูกอ่อนที่จากส่วนอื่นๆของร่างกาย ได้แก่ กระดูกอ่อนหลังหู (Ear cartilage), กระดูกอ่อนแกนจมูก (Septal cartilage), และกระดูกอ่อนซี่โครง (Costal cartilage) เพื่อช่วยยืดให้ปลายพุ่งสวยเป็นธรรมชาติ และป้องกันการทะลุ
การเสริมจมูกแบบเปิด เหมาะกับใคร
เหมาะกับคนที่โครงสร้างเดิมของจมูกมีปัญหาชัดเจน เช่นสันจมูกคด มีฮัมพ์สูง ฐานจมูกใหญ่ ไม่ได้สัดส่วน จมูกสั้นเกินไป จมูกงุ้ม ต้องการแก้ไขปรับแต่งทรงจมูกให้มีสัดส่วนที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ มีสัดส่วนและสันที่พอดีกับใบหน้า
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด
ศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมด ทำให้สามารถแก้ไขความผิดปกติจากโครงสร้างจมูกได้อย่างตรงจุด และสามารถใช้กระดูกอ่อนในโพรงจมูกเพื่อทำหยดน้ำให้สวยเป็นธรรมชาติ และลดโอกาสจมูกเบี้ยวในอนาคต
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิด
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique) เป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน ทำให้ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดที่นานกว่าการเสริมจมูกแบบปิด ดังนั้นศัลยแพทย์จะต้องมีความชำนาญในการผ่าตัดแบบโอเพ่นโดยเฉพาะ นอกจากนี้การผ่าตัดด้วยเทคนิคโอเพ่นยังต้องใช้การดมยาสลบจึงทำให้เสี่ยงสูงกว่าการเสริมจมูกแบบทั่วไป
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดเปิดแผลที่รูจมูก 1 ข้าง เพื่อเสริมซิลิโคนเข้าไปตามแนวฐานกระดูกจมูกเดิม พร้อมการตะไบเพื่อปรับแต่งฐานจมูกเล็กน้อยให้มีความเรียบเนียน เพื่อให้บริเวณสันจมูกมีความโด่งขึ้น นิยมรองบริเวณปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหูหรือเนื้อเยื่อไขมันเพื่อป้องกันการทะลุ แต่การเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิด (Closed Technique) จะไม่สามารถปรับโครงสร้างกระดูกอ่อนในจมูกได้ จึงเป็นการเสริมจมูกที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
การเสริมจมูกแบบปิด เหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่มีโครงสร้างเดิมของจมูกค่อนข้างดีอยู่แล้ว ปลายจมูกไม่สั้น และมีเนื้อจมูกหนาพอสมควร แต่ต้องการเพิ่มสันให้กับจมูกเล็กน้อย
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
มีการดูแลรักษาแผลหลังการผ่าติดที่ง่ายกว่า ซึ่งแผลผ่าตัดจะอยู่ในโพรงจมูก ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดที่น้อย ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด เนื่องจากไม่มีการรบกวนเนื้อเยื่อในขณะผ่าตัด
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด
ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างของจมูกได้ ความโด่งพุ่งของจมูกจะขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อจมูก ไม่สามารถลดขนาดของปลายจมูกและสันจมูกได้ นอกจากนี้ซิลิโคนยังมีความเปราะบางจากการกระแทกจากภายนอก มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาจมูกทะลุ เบี้ยว เอียง ในอนาคตได้มากกว่าการเสริมจมูกแบบ Open
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก มีอะไรบ้าง
ซิลิโคนจมูก
การเสริมจมูกแบบซิลิโคนเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ให้ทรงจมูกที่คมชัด พักฟื้นน้อย ราคาไม่สูงมาก ซึ่งซิลิโคนที่ใช้จะมี 2 ประเภท ได้แก่
- ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป เป็นซิลิโคนที่มีรูปทรงมาให้เลือกอยู่แล้ว มีข้อดีคือช่วยลดโอกาสเบี้ยวหรือเอียงหลังการเสริมจมูกได้
- ซิลิโคนแบบเหลาเอง เป็นซิลิโคนที่มาในรูปแบบบล็อกสี่เหลี่ยม ซึ่งแพทย์จะต้องเป็นผู้ดีไซน์และเหลาทรงให้เหมาะสำหรับคนไข้แต่เคสต่อเคส มีข้อดีคือได้ทรงจมูกที่มีความเป็นเอกลักษณ์เข้ากับใบหน้าของคนไข้ แต่จะต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญและความแม่นยำ
กระดูกอ่อนในร่างกาย
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนในส่วนต่างๆของร่างกาย จะช่วยเพิ่มความหนาของผิวหนังบริเวณปลายจมูก และป้องกันการกดทบผิวหนังปลายจมูกจากซิลิโคน ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่ปลายจมูกจะทะลุในอนาคต และเป็นวิธีที่ทำให้ปลายจมูกมีความเรียวยาวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งกระดูกอ่อนในร่างกายที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมจมูก ได้แก่
- กระดูอ่อนหลังใบหู เป็นกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณส่วนแอ่งของใบหู (Concha) ลักษณะโค้งงอเล็กน้อย มีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร โดยแพทย์จะนำมาเสริมเพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูกให้มีความพุ่งสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- กระดูกอ่อนในโพรงจมูก (Septum) ถือวัสดุจากร่างกายชิ้นที่ดีที่สุด เพราะเป็นเนื้อเยื่อชนิดเดียวกันกับจมูก โดยศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อยืดผนังกั้นจมูก และกระดูกอ่อนแกนกลางจมูก (Septal cartilage) เพื่อปรับให้จมูกยาวขึ้น และพุ่งสวยขึ้นโดยไม่ต้องมีแผลแบบการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู เหมาะสำรับการเสริมจมูกครั้งแรก
กระดูกซี่โครง
กระดูกซี่โครง เป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้เทคนิคการเสริมจมูกแบบแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เพื่อแก้ไขปรับโครงสร้างภายในของทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเคสคนไข้ที่จมูกมีปัญหาและไม่สามารถแก้ไขทรงจมูกแบบที่ซิลิโคน ซึ่งเทคนิคนี้เป็เทคนิคที่ศัลยแพทย์จะต้องมีทักษะความชำนาญสูง เพราะเป็นเทคนิคที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย โดยกระดูกซี่โครงที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกมี 2 ประเภท คือ
- กระดูกอ่อนจากซี่โครงของตัวเอง โดยแพทย์จะต้องทำการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณใต้ราวนมประมาณ4-5 เซนติเมตร เพื่อเอากระดูกซี่โครงอ่อนขนาด 2-5 cm ออกมา 1-2 ซี่
- กระดูกอ่อนซี่โครงที่มาจากการบริจาค เป็นกระดูกซี่โครงที่ได้การรับบริจาคของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว (ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในประเทศเกาหลีที่เดียว) การเลือกใช้ซี่โครงประเภทนี้จะช่วยทำให้คนไข้ไม่ต้องบาดเจ็บหลายตำแหน่ง
เนื้อเยื่อบริเวณก้นกบ
เสริมด้วยเนื้อก้นกบ เป็นอีกหนึ่งวัสดุจากร่างกายที่ถูกนำมาใช้เสริมจมูก ซึ่งเนื้อเยื้อก้นกบมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความยืดของจมูกให้ดูยาวขึ้น เป็นการเสริมจมูกด้วยเทคนิคที่เปรียบเสมือนการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อของตนเอง จึงมีความปลอดภัยสูง ช่วยแก้ปัญหาคนที่ปลายจมูกบาง ทำให้ปลายจมูกพุ่งขึ้น และป้องกันการเกิดปลายทะลุในระยะยาว
การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมเสริมจมูก
การเตรียมตัวก่อนจะเข้ารับการผ่าตัด เป็นส่วนหนึ่งที่อาจส่งผลต่อขั้นตอนการผ่าตัด และผลหลังการผ่าตัด ดังนั้นหากคนไข้มีการเตรียมตัวที่ดีก็จะช่วยทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น อาการบวมช้ำต่างๆหลังการผ่าตัดหายได้อย่างรวดเร็วขึ้น และนี่คือการเตรียมตัวที่ควรทราบก่อนจะผ่าตัด
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดถึงปัญหาและความต้องการ พร้อมแจ้งข้อมูลสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ
- งดการทานวิตามินทุกชนิด รวมถึงยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่นยาแก้ปวด แอสไพริน วิตามินซี วิตามินดี น้ำมันปลา อย่างน้อย 7 วันก่อนเข้ารักการทำศัลยกรรมเสริมจมูก
- งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 7 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง หรืออาการบวมช้ำมากกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานทานอาหารแสลง เช่น ของหมักดองทุกชนิด อาหารทะเล เนื่องจากมีผลต่อการอักเสบของแผล
- งดแต่งหน้า งดใส่เครื่องประดับ ของมีค่าทุกชนิด อาทิเช่น สร้อย ต่างหู แหวน หรือจิลต่าง ๆ
- แนะนำให้สระผมก่อนการผ่าตัด เนื่องจากหลังการผ่าตัดอาจทำให้คนไข้สระผมได้ไม่ถนัด
- งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด เพื่อให้วิสัญญีแพทย์สามารถสังเกตความผิดปกติของคนไข้ในขณะผ่าตัดได้อย่างชัดเจน
- งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมงในกรณีผ่าตัดด้วยการดมยาสลบ (แต่หากเป็นการผ่าตัดโดยฉีดยาชาเฉพาะจุดไม่ต้องงด)
เทคนิคการทำจมูกกับหมออัน แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
- ออกแบบทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้าเดิม ตามหลักการเสริมจมูกแบบ nose golden ratio ด้วยเทคนิคแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เพื่อให้สามารถแก้ไขโครงสร้างภายในของจมูก ทั้งการยืดพนังกั้นจมูก การจัดเลียงกระดูก่อนในโพรงจมูก และการใช้เนื้อเยื่อต่างๆวางเสริมได้อย่างแม่นยำ ทำให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และได้ทรงจมูกที่สวยงามรับกับใบหน้า
- ผ่าตัดเสริมจมูกด้วยเทคนิคไม่ใช้วัสดุเสริมเทียม เช่น ซิลิโคน หรือคอร์เท็กซ์ แต่เป็นการใช้เฉพาะเนื้อเยื่อของตัวเอง เช่น กระดูกอ่อนหู, กระดูกอ่อนจากผนังกั้นช่องจมูก, เนื้อเยื่อจากร่างกาย และกระดูกอ่อนจากกระดูกซี่โครง ซึ่งมีความปลอดภัย ลดปัญหาการอักเสบ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
ขั้นตอนการเสริมจมูก ที่ Sui
- ปรึกษากับศัลยกแพทย์แบบตัวต่อตัว เพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางการแก้ไข สำหรับผู้ที่ต้องการศัลยกรรมผ่านเอเจนซี่ จะได้รับการอำนวยความสะดวกในการประษาแพทย์โดยไม่ต้องบินไปไกลถึงเกาหลี
- จัดสรรช่วงเวลาที่จะเดินทางให้ดี เนื่องจากการทำศัลยกรรมจมูกมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นและติดตามอาการก่อนตัดไหมอย่างน้อย 7 วัน
- เตรียมเอกสาร นัดหมายวันเวลาผ่าตัดกับโรงพยาบาล จองตั๋วเครื่องบิน การจองที่พัก จองรถรับ-ส่งจากสนามบิน รวมถึงการติดต่อประสารกับล่าม (สำหรับผู้เดินทางโดยใช้บริการผ่านเอเจนซี่จะช่วยลดขั้นตอนนี้ได้ทั้งหมด)
- เตรียมเงินค่าทำศัลยกรรมไปให้พร้อม โดยแลกเงินวอนจากไทยไปให้เพียงพอกับค่าทำศัลยกรรม ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าชอปปิ้งต่างๆ
- เตรียมสัมภาระและสิ่งของจำเป็นให้พร้อม นอกจากนี้คนไข้ควรตรวจเช็คสภาพอากาศของที่เกาหลีเพื่อการเตรียมเสื้อผ้าไปให้เหมาะสม
การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมจมูก
หลังการเสริมจมูกอาจมีอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ เช่น มีอาการบวมช้ำในบริเวณใกล้เคียง มีเลือดซึมจากแผล บ้วนปากแล้วมีเลือดลงคอ รู้สึกอึดอัดจมูกที่จมูก ดังนั้นการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด จะช่วยทำให้อาการต่างๆหายได้เร็วขึ้น เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับการเสียเงิน แนะนำการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดดังนี้
- ลาหยุดงานนานประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับการพักฟื้นอย่างเต็มที่หลังการผ่าตัด
- แนะนำให้ประคบเย็นด้วยคูลแพ็คในบริเวณใกล้เคียงรอบจมูก โดยเว้นตรงแผลเอาไว้ ต่อเนื่อง 4-5 วัน หลังผ่าตัด เพื่อช่วยเพื่อให้เลือดหยุดไหล และยุบบวมไวขึ้น
- หลังจากวันที่ 5 เป็นต้นไป ให้เปลี่ยนมาประคบอุ่นเพื่อลดรอยเขียว ช้ำ ให้จางลงได้รวดเร็วขึ้น
- หลังการผ่าตัดในช่วง 2-3 วัน ควรหนุนศีรษะด้วยหมอนสูงซ้อนกัน 2 ใบ เพื่อป้องกันเลือดไม่คั่งในโพรงจมูกหรือการบวมที่อาจเพิ่มขึ้น
- หลังเสริมจมูกอาจมีอาการปวดศีรษะ หรือปวดบริเวณจมูก โดยโฉพาะใน 2-3 วันแรก ให้รับประทานยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบตามที่แพทย์แจ้ง
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และหยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากอาจทำให้แผลหายช้า และมีผลต่อการอักเสบ
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน แนะนำให้ใช้สำลีแบบแผ่นชุบน้ำเปล่า หรือน้ำเกลือ เช็ดแผลอย่างเบามือแทนการล้างหน้า
- ดื่มน้ำเปล่ามากๆอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร และเดินออกกำลังกายมากๆ เพื่อให้เซลล์ในร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
- งดสั่งน้ำมูก ขยี้จมูก ก้มหน้านาน ๆ รวมถึงห้ามแคะ แกะ เกา บีบจมูก บิด หรือขยี้บริเวณจมูก เพราะอาจทำให้จมูกเบี้ยวจนต้องแก้จมูกใหม่
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แพ้ ของหมักดอง หรืออาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด โซเดียมสูง เพราะทำให้ร่างกายบวมน้ำและยุบบวมช้า
- ควรรับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปงดอาหารแข็ง เหนียว และดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ช่วยให้ยุบบวมเช่น น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก น้ำเต้าหู้ผสมฟักทอง
- หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก หรือที่ที่อาจมีเกษรดอกไม้ เพื่อป้องกันการไอหรือจาม อย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยซ่อมแซมให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- งดการทำทรีตเมนต์ นวดหน้า หรือการทำเลเซอร์ทุกชนิด เพราะอาจทำให้จมูก กระเทือน จนเกิดการอักเสบ ติดเชื้อตามมาได้
- หากมีความผิดปกติเช่นมีอาการเลือดไหลไม่หยุด มีอาการเจ็บปวดมาก หรือมีอาการบวมช้ำนานกว่าปกติแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
เสริมจมูกแต่ละเทคนิค ราคาเท่าไหร่
ราคาการการเสริมจมูกของแต่ละคลินิกจะมีราคาที่ค่อนข้างแตกต่างกันตั้งแต่หลักหลักหมื่นต้นๆไปจนนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของศัลแพทย์ วัสดุที่ใช้ และเทคนิคการผ่าตัด ซึ่งราคาเสริมจมูกเกาหลีเคสแรกจะมีราคาเริ่มต้น 150,000 บาท (ไม่รวมการใช้เนื้อเยื่อพิเศษ ลดฐานจมูกและอื่นๆ)
รีวิวเสริมจมูก
คำถามที่พบบ่อย
เสริมจมูก แต่ละแบบ เจ็บไหม?
ในระหว่างการผ่าตัดอาจมีการใช้ยาชาหคือดมยาสลบ ซึ่งจะทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด แต่หลังการผ่าตัดมีอาการเจ็บปวด บวมช้ำเป็นเรื่องปกติ สามารถทานยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
เนื้อจมูกน้อยสามารถเสริมจมูกได้ไหม
เนื้อจมูกน้อยสามารถเสริมจมูกได้ โดยการเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบ Open เพื่อปรับโครงสร้างและยืดผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น โดยการใช้วัสดุที่เป็นกระดูกอ่อนและเนื้อจากส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อป้องกันการกดทับจากวัสดุแปลกปลอม ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการทะลุได้ง่ายกว่าเคยปกติ
หากเคยฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก สามารถเสริมจมูกได้หรือไม่?
สามารถเสริมจมูกได้ แต่ต้องทำการขูดฟิลเลอร์ออกให้หมดก่อน เนื่องจากฟิลเลอร์อาจมีผลในการเกาะตัวกันของซิลิโคนกับเนื้อเยื่อ หรืออาจส่งผลทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงหลังการเสนิมจมูก
ใช้เวลากี่วันในการพักฟื้นถึงเข้าที่ ควรลางานกี่วัน
สำหรับการเสริมจมูกแนะนำให้ลางานอย่างน้อย 7-14 วัน เพื่อให้แผลแห้งสนิทเสียก่อน ซึ่งหลังการผ่าตัดจมูกอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนจมูกจึงยุบบวมและเข้าที่มากที่สุด
ทำไมการเสริมจมูกแต่ละเทคนิค ราคาถึงไม่ท่ากัน
การเสริมจมูกของแต่ละเทคนิคจะมีขั้นตอนและความซับซ้อนที่ต่างกัน ใช้ระยะเวลา และความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ที่ต่างกัน ดังนั้นคนไข้จึงจะสังเกตเห็นได้ว่าการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) จะมีราคาที่สูงกว่าการผ่าตัดด้วยเทคนิคแบบปิด (Closed Technique) ที่เสริมจมูกด้วยซิลิโคนแบบทั่วไป
หลังทำจมูกแล้วสามารถออกกำลังกายได้ไหม
หลีกเลี่ยงการยกของหนัก และการออกกำลังกายที่เสี่ยงต่อการเกิดแรงกระแทก เช่นการวิ่ง การว่ายน้ำ เวทเทรนนิ่ง และงดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ เพื่อป้องความเสี่ยงที่อาจทำให้จมูกเบี้ยวเอียงได้
สรุป
สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกครั้งแรกควรมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งของมูลความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด วัสดุที่ใช้ในการเสริม รวมถึงมาตรการความปลอดภัยของห้องผ่าตัด เนื่องจากหากเกิดการผิดพลาดอาจนำไปสู่ปัญหาในระยะยาว เช่นการอักเสบ ติดเชื้อ จมูกเบี้ยวเอียง จมูกผิดรูป จนนำไปสู่การผ่าตัดแก้ไขจมูก ซึ่งอาจมีทั้งความเสี่ยงและมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นก่อนการเสริมจมูกครั้งแรกคนไข้ควารได้รับฟังคำปรึกษาจากแพทย์อย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจ